โปรโตคอล เพื่อการรักษาโควิด ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัด และ อาการผิดปกติของร่างกายหลังจากการฉีดวัคซีน (Spike Protein)
Posted: Thu Jan 13, 2022 7:59 pm
โปรดทราบ; บทความนี้ ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์!
♦ คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
ความเป็นไปได้ของ SARS-CoV-2 ในการป้องกันและการรักษา โรคติดเชื้อ ,การดีท็อกซ์ และมาตรการ การรับมือสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน!
ข้อมูลอย่างเป็นทางการของรัฐบาลเกี่ยวกับสถิติการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นมาก โดยแสดงให้เห็นว่า ณ ขณะนี้ (เดือนสิงหาคม 2023) มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 20 ล้านคนทั่วโลกจาก 'วัคซีน' นี้
การฉีดวัคซีนเหล่านี้ทำให้เกิดภาวะร้ายแรงหลายประการซึ่งส่งผลให้บุคคลเสียชีวิต:
✘ มะเร็งเทอร์โบ มะเร็งที่ลุกลามอย่างรวดเร็วมาก
✘ ลิ่มเลือดขนาดใหญ่
✘ ขาดเลือดไปเลี้ยงสมองเฉียบพลัน
✘ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
✘ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
✘เทอร์โบอัลไซเมอร์
✘ เส้นใยไฟเบอร์ก่อตัวในหลอดเลือด
✘ภาวะมีบุตรยาก
✘ และความผิดปกติอีกมากมาย
✘ และจากการวิจัยจำนวนมาก วัคซีนทุกชนิดเป็นสาเหตุให้เกิดโรคออทิซึมในเด็ก เนื่องจากมีสารพิษมากมาย
ภาวะเหล่านี้ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และผู้คนก็เสียชีวิตอย่างไม่มีสาเหตุใดๆ ทั้งสิ้น
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้คนต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อล้างพิษจากการฉีดเหล่านี้ให้เร็วที่สุดและรวดเร็วที่สุด
• Graphene Oxide
• Aluminium (known cause of Autism, Alzheimer)
• Potassium Sulphate
• Formaldehyde
• Thimerosal (Mercury, highly toxic)
• Polysorbate 80 (toxic surfactant)
• Fetal Bovine Serum
• Animal Gelatin
• Neomycin
• Hydrogel
• เนื้อเยื่อของทารกในครรภ์ที่เก็บมาจากทารกที่มีชีวิตและถูกทำแท้ง!
• ฯลฯ
- CDS: Andreas Kalcker Protocol; ซีดีเอส: การรักษาและป้องกันโรคที่ถูกที่สุด ปลอดภัยที่สุด และมีประสิทธิภาพสูงสุด
(andreaskalcker.com/en/)
►ดูด้านล่าง สำหรับโปรโตคอลต่างๆ โดยใช้ CDS ในการรักษาสภาวะต่างๆ! 'CDS, Chlorine Dioxide Protocols'
~ - Balanced Zinc: สังกะสีที่สมดุลเหมาะสม ( สัดส่วน Zn15 ต่อ Cu 1 ส่วน) ช่วยป้องกันไวรัส และย่อยสลายโปรตีนหนามแหลม และสไปออน (Spike Proteins & SPIONS; Superparamagnetic Iron Oxide Nanoparticles) (Zn ต้องใช้ไอโอโนฟอร์)
~ - Green Tea: ชาเขียว ประกอบด้วย สารอีพิกัลโลคาเทชินไตรกัลเลต Epigallocatechin Gallate (EGCG)ไอโอโนฟอร์ (Ionophore) ที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้ร่างกายดูดซึมสังกะสีเข้าสู่เซลล์ได้ดียิ่งขึ้น
~ - Vitamin D3: วิตามินดี3: มีความสำคัญต่อร่างกาย และ วิตามินดี3 ( ในชีวิตประจำวันเรารับจากแสงแดดจากแสงแดด) ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ควรได้รับ ขั้นต่ำ 3,000 - 4,000 IU ต่อวัน (5,000+ IU ในฤดูหนาว)
ระยะสั้นเท่านั้นและสำหรับการรักษาแบบเฉียบพลัน
✘ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิตามินดีที่นี่!
~ - Vitamin C: วิตามิน ซี: (ช่วยในการการซ่อมแซม ระหว่างเซลล์ ภายในเซลล์ และประโยชน์อื่นๆ) ควรได้รับอย่างน้อย 3 กรัมต่อวัน
~ - Shikimic Acid: กรดชิกิมิก จากสารสกัด Star Anise & Fennel Seed; สามารถสกัดด้วยเครื่องชงกาแฟหรือชา
ช่วยยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือด หลอดเลือดดำ ลิ่มเลือดในสมอง ต้านแบคทีเรีย, ไวรัส, มะเร็ง
~ - นิโคตินทดแทน
ใช้แผ่นแปะผิวหนัง หมากฝรั่ง หรือยาอม:
นิโคตินทดแทน ช่วยเป็นตัวขัดขวางตัวรับในสมองที่จะถูกโจมตีโดย Spike Proteins ( ที่เกิดในร่างกายคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนSARS-CoV-2 พิษของมันคล้ายกับพิษงู) ตัวรับในสมองที่มีชื่อว่า acetylcholinesterase เป็นตัวรับซึ่งควบคุมการทำงานของกระบังลมและการหายใจ จะเห็นว่าหากรีเซปเตอร์ในสมองตัวนี้ได้รับspike protein จะทำให้เกิดความล้มเหลวของระบบการหายใจได้
~ - มอนต์มอริลโลไนต์ เบนโทไนท์
ถูกนำมาใช้เพื่อทำการดีท็อกซ์ตามธรรมชาติเพื่อกำจัดสารพิษ โลหะหนัก และสไปค์โปรตีนที่มากับการฉีด vaxx° และ/หรือที่มาจากแหล่งอื่นๆ
หรืออาจใช้ 'ถ่านกัมมันต์'
°พึงตระหนักไว้ว่า วัคซีนทั้งหลายเต็มไปด้วยสารพิษ
~ - Trandsdermal Nicotine Patch or Chewing Gum แผ่นแปะนิโคตินใต้ผิวหนังหรือหมากฝรั่ง
นิโคตินปิดกั้นตัวรับที่ถูกโจมตีโดยโปรตีน Spike (คล้ายพิษงู) ตัวรับเหล่านี้จะควบคุมไดอะแฟรมและการหายใจ
ใช้แผ่นแปะผิวหนัง หมากฝรั่ง หรือยาอม:
♦สารประกอบอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นว่ามีประโยชน์ในการล้างสารพิษต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน หรือที่เรียกว่า 'โควิด':
- ■ Nattokinase
ช่วยในการย่อยสลาย Spike Protein/Snake Venom
~ - ■ Lysine
สำหรับระบบภูมิคุ้มกัน การซ่อมแซมอาการบาดเจ็บของวัคซีน จะทำให้ Spike Protein ลดลง
~ - ■ Bromelain
~ - ■ Curcumin
สารออกฤทธิ์จากขมิ้นชัน
~ - ■ Urotherapy
ปัสสาวะมีสเต็มเซลล์ที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์
~ - ■ Black Seed Oil
แอคทีฟดีท็อกซ์จากแบล๊คซีดออยล์
~ - ■ Pine Needle Oil
แอคทีฟดีท็อกซ์จากน้ำมันสน
~
ต่อไปนี้ก็มีประโยชน์มากเช่นกัน:
- สารสกัดจากรากชะเอม Glycyrrhizin
ป้องกันการแข็งตัวของเลือดจาก Spike Protein เช่น พิษงู และที่เกิดจากการฉีดวัคซีนเหล่านี้
หากหาได้ให้ใช้สารสกัด Glycyrrhizin หรือเราอาจใช้ผงชะเอมเทศที่หาซื้อได้ไม่ยาก นอกจากนี้ชะเอมเทศยังป้องกันตับจากเตตระคลอไรด์, อะเซตามิโนเฟน/ไทลินอล, แอลกอฮอล์ เป็นต้น
งานการวิจัยกล่าวว่า:
"Glycyrrhizin (GL) is a plant-derived thrombin inhibitor that also exhibits in vivo antithrombotic properties.
GL inhibited the human fibrinogen clotting (IC50 = approximately 1.0 mg ml
Co-administration of GL with antibothropic serum abolished venom-induced bleeding. "
~ - NAC N-Acetyl Cysteine (กรดอะมิโน) สำหรับซ่อมแซมเซลล์และรวมกับ:
■ Bromelain & Acetyl Cysteine (NAC), BromAc, ช่วยหยุดการฟอร์มตัวเป็นเส้นใยไฟเบอร์และทำลายไกลโคโปรตีนที่ซับซ้อนที่จะเกิดในเส้นเลือดของผู้ได้รับวัคซีน
งานการวิจัยกล่าวว่า:
“BromAc acts as a biochemical agent to destroy complex glycoproteins. … Recombinant spike and envelope SARS-CoV-2 proteins were disrupted by BromAc.”
“BromAc ทำหน้าที่เป็นตัวแทนทางชีวเคมีในการทำลายไกลโคโปรตีนที่ซับซ้อน … และซองโปรตีน SARS-CoV-2 ถูกรบกวนโดย BromAc”
~ - Quercetin: เควอซิทิน: ไอโอโนฟอร์ !ที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้ร่างกายดูดซึมสังกะสีเข้าสู่เซลล์ได้ดียิ่งขึ้น
~ - Glutathione: กลูตาไธโอน: ช่วยชะล้าง กราฟีมออกไซด์ & สไปออนส์
~ - Niacin/Nicotinic Acid: ไนอาซิน/กรดนิโคตินิก: สำหรับป้องกันโรคใช้ : 500 มก. สำหรับการรักษาใช้ : 1,000 มก
~ - NAC: (กรดอะมิโน) สำหรับการซ่อมแซมเซลล์
~ - C60: ช่วยเพื่อกำจัดเซลล์ที่เสียหายและซ่อมแซมไมโตคอนเดรีย
~ - Ivermectin: (สำหรับผู้ใหญ่ปกติ ใช้ขนาด 12 มก. ,ขนาดยา ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว ,ดูที่ข้อบ่งใช้)
~ - HCQ Hydroxychloroquine: ต้านไวรัส/แบคทีเรีย; ไอโอโนฟอร์
~ - Chaga Tea: ชา Chaga: ดื่มวันละ 2-3 ถ้วยต่อวัน (ใช้ผง chaga 1/4 ช้อนชา ต่อน้ำร้อน 8 ออนซ์ )
~ - Hydrogen Gas/Water Therapy: ก๊าซไฮโดรเจน/การบำบัดด้วยน้ำ: การศึกษาแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการรักษาผลข้างเคียงของวัคซีนและโควิด-19
สำหรับพลังงาน:
TruNiagin: ทรูไนอาจิน: (NR = Nicotinomide Riboside; วิตามินบีชนิดหนึ่ง)
ประชาชนที่ได้รับวัคซีน กำลังมีอาการเมื่อยล้าได้บ่อยๆจนผิดปกติ เนื่องจากการเกิดลิ่มเลือดในกระแสเลือดที่ไปยังปอดและหัวใจ
♦ CDS
■ หมายเหตุ; นี่ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ CDS ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ผู้คนอาจใช้ CDS ตามการวิจัยและความรับผิดชอบของตนเอง
ได้รับการยอมรับและนำไปใช้ในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศในอเมริกาใต้เพื่อรักษา COVID-19 ซึ่งมีแพทย์ใช้อยู่ 7,000 คน อัตราความสำเร็จเกือบ 100%
■ ดูเพิ่มเติมได้ที่:
WORLD HEALTH AND LIFE COALITION
https://www.comusav.com/en/
█ สารคดี CDS
ยา CDS: การศึกษาในประเทศญี่ปุ่นพิสูจน์ประสิทธิภาพของ CDS/Chlorine Dioxide ในการกำจัด Spike Protein หรือโปรตีนหนาม ในขณะที่หลักฐานรายงานแสดงให้เห็นว่า CDS สามารถล้าง Graphene Oxide ออกจากร่างกายได้
■ ต่อไปนี้เป็นโปรโตคอลอย่างเป็นทางการที่พัฒนาโดย Dr Kalcker และแพทย์ทั่วโลกใช้ในการรักษาผู้ป่วย
[ สิ่งสำคัญที่ควรตระหนักในขณะนี้คือ ทุกคนควรพิจารณาใช้ CDSเพื่อเป็นการป้องกันโปรตีนหนาม ที่จะถูกขับออกจากร่างกายผู้ที่ได้รับวัคซีนไปสู่ผู้คนรอบข้างที่ไม่ได้รับวัคซีนซึ่งจะทำให้มีอาการเจ็บป่วยไปด้วย CDS ยังเป็นตัวล้างพิษที่ดี ป้องกันการติดเชื้อทุกชนิดและช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ]
CDS, โปรโตคอลคลอรีนไดออกไซด์
โปรโตคอล C: ป้องกัน, asymptomatic.
► 10 มล. ของ 3,000ppm CDS เข้มข้น / น้ำดื่ม 1 ลิตร / วัน
• กรณีที่ 1 สำหรับมาตรการป้องกัน ใช้สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ!
- เจือจาง CDS เข้มข้น 10 มล. 3000 ppm (0.3%) ในน้ำ 1 ลิตร
~ - แบ่งเป็น 10 โด๊สๆละ 100 มล. และดื่มทุกชั่วโมงจนกว่ายาจะหมด
• กรณีที่ 2 สำหรับผู้เจ็บป่วยที่แสดงอาการเฉียบพลันที่อันตรายถึงชีวิต
ให้เพิ่มความเข้มข้นขึ้น โดยให้ระดับ CDS สูงถึง 30 มล. ต่อน้ำ 1 ลิตร แล้วดื่มคราวละ100มล. ในทุก 1ชั่วโมง จนกว่าจะหมด
โปรโตคอล D = โรคเกี่ยวกับผิวหนัง :
►ใช้ 3,000 ppm CDS โดยไม่ต้องเจือจาง
• โปรโตคอลนี้ใช้เพื่อฆ่าเชื้อที่เกิดขึ้นเฉียบพลันต่อผิวหนัง เช่น แผลบาดเจ็บฉีกขาด น้ำร้อนลวกไฟไหม้ และวัตถุที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ใช้หัวฉีดพ่นที่บรรจุ CDS 3,000ppm เข้มข้น ฉีดตรงบริเวณที่ต้องการ แล้วลูบเบาๆ ใช้ในลักษณะเดียวกับเจลไฮโดรแอลกอฮอล์
สำหรับบริเวณที่บอบบาง (เช่น ตาและเยื่อเมือก) จำเป็นต้องลดความเข้มข้นด้วยน้ำหรือน้ำเกลือ โดยใช้ความเข้มข้น CDS ประมาณ 50ppm (ซึ่งยังคงมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะยับยั้งเชื้อโรค)
โปรโตคอล F = กรณีเร่งด่วน หรือเฉียบพลัน เมื่อร่างกายเริ่มส่งสัญญาณว่ามีการติดเชื้อ :
►ใช้ 8ml ของ CDS เข้มข้น 3,000ppm / น้ำสะอาด 1 ลิตร
• หลักการนี้ใช้เพื่อต่อต้านการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียเฉียบพลัน:
ละลาย CDS เข้มข้น 3,000ppm 8 มล. (3,000 ppm / 0.3%) ในน้ำ 1 ลิตร แล้วแบ่งเป็น 8 โด๊ส
ให้ดื่มปริมาณ 125 มล. ทุกๆ 15 นาที จะใช้เวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที หลังจากดื่มแก้วแรก
ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ซึ่งโปรโตคอล F หากเป็นไปได้ ควรดื่ม 2 ช่วงต่อวัน: ○ โดยกรณี ดื่ม 2 ครั้งต่อวัน ให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 ชั่วโมง จากช่วงแรก ○ หรือ หากดื่มตามข้อ1ช่วงเดียว ต่อวัน ให้ตามด้วย โปรโตคอล C (CDS เข้มข้น 3,000 ppm. 10 มล. / น้ำดื่ม 1 ลิตร โดยดื่ม 100มล.ทุกชั่วโมง จนหมด)
โปรโตคอล H = การฆ่าเชื้อในห้อง:
►10ml ของ CDS เข้มข้น บริสุทธิ์ 3,000ppm
• ใช้ CDS เข้มข้น 0.3% 6 - 12 มล. เทลงในบีกเกอร์แก้วแห้งแล้ววางระหว่างเตียงของผู้ป่วย
ก๊าซจะระเหยและฆ่าเชื้อสิ่งแวดล้อมเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาด!
• โปรโตคอลนี้สามารถใช้ในบ้าน ห้องนอน ฯลฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อในห้องนอน ห้องทำงาน ออฟฟิศ คลินิกแบบปิด เป็นต้น
คลอรีนไดออกไซด์อิ่มตัวจะมีสีเหลืองเมื่อบรรจุภาชนะแก้วใสแบบมีฝาปิด จะมีการระเหยเป็นแก๊ซ แล้วเมื่อของเหลวในแก้วกลายเป็นโปร่งใส จะถูกแทนที่ด้วยปริมาณและความเข้มข้นของคลอรีนไดออกไซด์เข้มข้น CDS ที่เท่ากัน
จากการคำนวณ อากาศในห้องประมาณ 12 ตารางเมตรจึงสามารถอิ่มตัวด้วยปริมาณความเข้มข้นสูงสุด 1 ppm ซึ่งอยู่ในระดับความเข้มข้นที่ถูกยอมรับ ภายใต้การควบคุมความปลอดภัย และพิษวิทยาระหว่างประเทศ ซึ่งได้รับการอนุมัติให้ใช้ได้
โปรโตคอล J = น้ำยาบ้วนปาก/รักษาแผลร้อนใน/การติดเชื้อในช่องปาก :
►ใช้ 10ml ของ CDS 3,000ppm /น้ำ 200ml
• กลั้วคอ และบ้วนปากด้วย น้ำยาที่เจือจาง วันละครั้ง หรือหลายครั้งตามต้องการ!
โปรโตคอล K = ผิวหนัง etc :
►ใช้ 20ml ของ CDS เข้มข้น 3,000ppm / น้ำ 50ml
• ใช้บรรจุขวดสเปรย์ เพื่อรักษาสิว โรคสะเก็ดเงิน กลาก การติดเชื้อและกลิ่นไม่พึงประสงค์ของเท้านักกีฬา ฆ่าเชื้อบาดแผล ฯลฯ วันละอย่างน้อย 2 ครั้ง
■ ปริมาณสำหรับเด็ก
ใช้ CDS 3000 ppm 1มล.ผสมน้ำดื่ม 250-500มล. /วัน ต่อเด็กอายุ1ปี..เพิ่มทีละ1มล.
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น1ปี โดยให้ 4-10 ครั้งระหว่างวัน สามารถเพิ่มขึ้นทีละน้อยในกรณีเฉียบพลัน
การทดลองในสัตว์ทดลองพบว่ากลุ่มที่ใช้ CDS มาตลอด จะมีชัวิตยืนยาวกว่ากลุ่มควบคุมที่ได้รับยาหลอกโดยเฉลี่ยสูงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์!
■ วิธีการทำงาน:
โมเลกุลคลอรีนไดออกไซด์ของ CDS จะแตกตัวออกเมื่อสัมผัสกับสารประกอบที่เป็นกรด
และส่งผลให้เกิด NaCl โซเดียมคลอไรด์ ( เกลือ) บวก O2 (ออกซิเจน) ซึ่งเมื่อไปสัมผัสรวมกับเชื้อโรคที่เป็นกรดที่แปลงเป็นออกไซด์ของอัลคาไลน์
การปล่อยออกซิเจน (Bohr Effect) เป็นการเพิ่มกิจกรรมของอิเล็กโทรไลต์เซลล์เม็ดเลือดแดงในการต่อสู้กับเชื้อโรคที่เป็นกรดแล้วสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นด่างซึ่งส่งผลเสียต่อเชื้อโรคและเอื้อต่อสุขภาพ!
■ ข้อควรระวังและข้อห้าม:
CDS เป็นสารออกซิไดซ์ จึงไม่แนะนำให้ใช้ CDS, Chlorine Dioxide, ร่วมกับวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ในการกำจัดเชื้อโรค
CDS ควรดื่มเว้นระยะห่างจากยาบำรุงต่างๆ 1 ชั่วโมง และห่างจากมื้ออาหาร ½ ชั่วโมง
CDS Concentrate ควรเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่า 11 องศาเซลเซียส และป้องกันแสงยูวี
CDS เป็นสารออกซิไดซ์และกัดกร่อนโลหะเล็กน้อย จึงควรเก็บไว้ในภาชนะแก้วเท่านั้น!
ควรหลีกเลี่ยง CDS เข้มข้นเมื่อสัมผัสกับเยื่อเมือก ควรเจือจางเป็น 50 มก. / น้ำเกลือล้างแผล 1 ลิตร (0.005%)
ห้ามสูดดม CDS ในปริมาณเข้มข้น (เนื่องจากเป็นพิษต่อปอด)
ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาวาร์ฟารินควรตรวจสอบค่าเลือดของพวกเขาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยาเกินขนาด เนื่องจาก CDS มีฤทธิ์ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับฤทธิ์วาร์ฟาริน
ควรใช้โปรโตคอลย่อยต่อไปนี้ตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง
การฆ่าเชื้อที่มือและพื้นผิว: โปรโตคอล D (ใช้ > 1000 ppm ClO2)
การป้องกัน (เจ้าหน้าที่สาธารณสุข + ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ): โปรโตคอล C. 10 โดส/วัน
การหลีกเลี่ยงการติดเชื้อระหว่างผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์: Protocol H.
การติดเชื้อเฉียบพลัน: โปรโตคอล F + C
คำเตือน: ผู้ที่ได้รับวัคซีนยังสามารถปล่อย Spike Proteins ซึ่งมีพิษร้ายแรงและอาจถึงตายได้
• ดังนั้น ผู้ที่ไม่รับวัคซีนต้องระวังเมื่อต้องสัมผัส หรือรายรอบด้วยผู้คนที่ได้รับวัคซีน
กลุ่มแพทย์ชาวอเมริกาใต้ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่ยอมรับในการใช้ CDS อย่างกว้างขวางแนะนำว่าทุกๆคนควรใช้ CDS ทุกวัน
เพื่อปกป้องตนเองจากโปรตีนขัดขวางที่ร้ายแรงเหล่านี้ที่เกิดจากการฉีดวัคซีนโควิ19 และเพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อที่หลากหลายที่เพิ่มมากขึ้นในโลกปัจจุบัน
รวมทั้งช่วยกำจัดปัญหาสารพิษหรือโลหะหนักจากสิ่งแวดล้อมที่ร่างกายได้รับ!
■ หมายเหตุ :
CDS ยังใช้กันอย่างแพร่หลายในการรักษาโรคเบาหวาน มะเร็ง ไตวาย
โรคตับ และโรคอื่นๆ อีกมากมาย ตามหลักการ
■ ดูเพิ่มเติมได้ที่
https://andreaskalcker.com
■ กระดานสนทนา
https://saludprohibida.com/en/
■ หนังสือ:
Dr. Andreas Kalcker:
• CDS - HEALTH IS POSSIBLE
• FORBIDDEN HEALTH
• THE ESSENTIALS