โปรโตคอล เพื่อการรักษาโควิด ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัด และ อาการผิดปกติของร่างกายหลังจากการฉีดวัคซีน (Spike Protein)

🧘🏃 ฟิตหุ่นให้เฟิร์มและมีสุขภาพดีอย่างไรให้ชีวิตดีมีความสุข♦ 🏋️‍♀️
Post Reply
User avatar
Rebel Lady
Posts: 1
Joined: Tue Dec 28, 2021 6:34 pm

โปรโตคอล เพื่อการรักษาโควิด ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัด และ อาการผิดปกติของร่างกายหลังจากการฉีดวัคซีน (Spike Protein)

Post User avatar by Rebel Lady »

Image

โปรดทราบ; บทความนี้ ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์!


คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

♦ ปิด

คลิกแท็บด้านบนเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

♦ ทำลายเลือด


ทำลายเลือดจากวัคซีนโควิด-19

• แพทย์จำนวนมากรายงานผลเลือด

Image Image Image Image Image Image Image Image
จากภาพเหล่านี้ ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมผู้คนรู้สึกเมื่อยล้า เหนื่อยง่าย และเสียชีวิตเป็นจำนวนมิใช่น้อยหลังได้รับวัคซีน


ความบกพร่องแต่กำเนิดจาก 'วัคซีน'



ความบกพร่องแต่กำเนิดจาก 'วัคซีน'

ความบกพร่องแต่กำเนิดจาก 'วัคซีน'









ลิ่มเลือดจาก 'วัคซีน'
คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก

ลิ่มเลือดจาก 'วัคซีน'

ลิ่มเลือดจาก 'วัคซีน'






ข้อมูลการเสียชีวิตส่วนเกินของรัฐบาล

รายงายทั้งหมดเกี่ยกับมีผู้ที่ได้รับผลข้าง
เคียงและเสียชีวิต




• วัคซีนเหล่านี้เป็นอาวุธชีวภาพและเคมี เพื่อจุดประสงค์เดียวเท่านั้นที่คุณคาดไม่ถึง คือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์!

'วัคซีน' เหล่านี้ยังไม่ผ่านการทดสอบและรับรองผลอย่างแน่ชัดอย่างที่ควรจะเป็น คุณคือหนูทดลองตัวหนึ่ง นั่นเอง!

การฉีดวัคซีนเหล่านี้ จึงถือได้ว่า เป็นอาชญากรรม และมีโทษ โดยการถูกประหาร! สำหรับผู้บงการ

วัคซีนเหล่านี้จึงผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายเหล่านี้ คือ:
  • กฎบัตรสหประชาชาติ ประกาศเฮลซิงกิ
  • กฎนูเรมเบิร์ก
  • อนุสัญญาอาวุธเคมี
  • อนุสัญญาอาวุธชีวภาพ
  • กฎหมายจารีตไทย
  • คำสาบานของ Hippocrates
  • คุณได้ยินยอมรับวัคซีนโดยไม่ได้รับข้อมูลเบื้องลึก ;
    พวกเขาไม่ได้เปิดเผยว่ามีคนนับล้านที่เสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนเหล่านี้ และอีก 100 ล้านคนได้รับผลข้างเคียงที่สาหัส และอาจจะเสียชีวิตภายใน 5 ปีข้างหน้า
🔺กลับไปด้านบน

♦ ผลข้างเคียงจากวัคซีน


วัคซีนโควิด

ผู้ที่ฉีดวัคซีน ดูเหมือนว่า จะถูกฉีดด้วย Time-bomb ร ะเบิดเวลา!
ซึ่งกำลังทำลายสุขภาพของพวกเขาเหล่านั้น ทั้งแบบช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือแบบทรมานช้าๆ เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร หากพวกเขาไม่ล้างพิษในทันที (ผลจากการรับสารที่เรียกว่า วัคซีน เสมือน kill-shot!
โดยเจตนานี้ จะก่อให้เกิดความผิดปกติต่อระบบเลือด และส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆของร่างกายอย่างรุนแรงตามมา)

โปรดทราบว่า วัคซีนที่เรียกกันนั้น ก็คือการฉีดสารก่อโรค และเป็นโปรตีนหนามที่เป็นอันตรายถึงชีวิต สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน

ดังนั้น การกำจัดสารที่เป็นอันตรายถึงชีวิตนี้ (อนุภาคนาโนกราฟีนออกไซด์/ลิปิดที่เป็นพิษอย่างยิ่ง)จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

การศึกษาในประเทศญี่ปุ่น พิสูจน์ประสิทธิภาพของ CDS/Chlorine Dioxide ในการกำจัด Spike Protein หรือโปรตีนหนาม ในขณะที่หลักฐานรายงานแสดงให้เห็นว่า CDS สามารถล้าง Graphene Oxide ออกจากร่างกายได้ ได้มีการยอมรับและใช้กันแล้วในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบอเมริกาใต้ และปานามา

ผู้ที่ได้รับวัคซีน สามารถล้างพิษได้โดยปฏิบัติตามโปรโตคอล C และ K เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 สัปดาห์

►ใช้โปรโตคอล K บริเวณที่ฉีดวัคซีน หลายคนรายงานเกี่ยวกับปรากฏการณ์ ว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนมีแม่เหล็กเกิดขึ้นบริเวณที่ฉีดสารนี้ในต่างประเทศ
และหลังจากปฏิบัติตามหลักการ อย่างน้อย 3สัปดาห์ ปรากฏการณ์แรงดึงดูดแม่เหล็กหายไป!!


Image
สิ่งสำคัญที่ควรตระหนักในขณะนี้คือ ทุกคนควรพิจารณาใช้ CDS เพื่อเป็นการป้องกันโปรตีนหนาม ที่มาจากผู้ที่ฉีดวัคซีน ซึ่งโปรตีนหนามนี้จะถูกขับออกจากร่างกายของผู้ที่ได้รับวัคซีนไปสู่ผู้คนรอบข้างที่ไม่ได้รับวัคซีนซึ่งจะทำให้มีอาการเจ็บป่วยไปด้วย

• CDS ยังเป็นสารล้างพิษที่ดี ช่วยป้องกันการติดเชื้อทุกชนิดและช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น


การทดลอง ในสัตว์ทดลอง พบว่ากลุ่มที่ใช้ CDS มาตลอด จะมีชีวิตยืนยาวกว่า กลุ่มควบคุมที่ได้รับวัคซีน โดยเฉลี่ยสูงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์!



ต่อไปนี้คือผลข้างเคียง ที่จะปรากฏหลังจากการฉีดสาร ที่เรียกว่า วัคซีน :
  • ทางระบบประสาทวิทยา; CJD / เกิดภาวะอัลไซเมอร์ จะนำไปสู่ภาวะสมองเสื่อมและการตายที่น่ากลัว
  • ทางระบบโลหิตวิทยา; เกิดการแข็งตัวของเลือดทั่วร่างกาย ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตอย่าง รวดเร็ว
  • ทางระบบภูมิคุ้มกันวิทยา; เกิดการทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดโรคร้ายแรงทั้งหลายที่เป็นไปได้ และโรคมะเร็ง
  • ทางcardiovascular; เกิดการอักเสบของหัวใจที่เฉียบพลัน หรือเป็นๆหายๆจะทำให้คุณเสียชีวิตภายใน 3 ปี
  • ทางระบบการสืบพันธุ์; ผู้ที่รอดชีวิตอย่างน่าอัศจรรย์จะมีภาวะป็นหมัน
  • หย่อนสมรรถภาพทางเพศ
  • อัมพาต
  • ภาวะมีบุตรยาก
  • ตกเลือดอย่างรุนแรง
  • ความเสียหายต่อ Endothelium ที่เกิดจาก Spike Protein (ผนังหลอดเลือดถูกทำลาย)
  • Anaphylaxis การแพ้อย่างเฉียบพลัน และ Thrombocytopenia (เกล็ดเลือดต่ำ) ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตอย่าง รวดเร็ว
    Image
    รายงานการบาดเจ็บและการเสียชีวิตจากวัคซีนของ
    สหภาพยุโรป
  • ประจำเดือนผิดปกติและรุนแรง
  • การแท้งบุตรโดยธรรมชาติ
  • เด็กสาวมีประจำเดือนกะทันหันก่อนวัยอันควร
  • สตรีวัยหมดประจำเดือนเริ่มมีเลือดออกมากมายอีกครั้ง
  • เยื่อบุมดลูกในสตรีหลุดลอกออกจำนวนมาก
  • จำนวนอสุจิลดต่ำมากเพราะมีการทำลายตัวอสุจิ
  • อัณฑะบวม และปวดอย่างรุนแรง
  • Myasthenia กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • การผลัดผิว ผิวหนังลอก
  • และอื่น ๆ อีกมากมาย

มีผู้คนเสียชีวิตจากการฉีดสารเหล่านี้แล้ว หลายล้านคน

• วัคซีนเหล่านี้เป็นอาวุธชีวภาพและเคมี เพื่อจุดประสงค์เดียวเท่านั้นที่คุณคาดไม่ถึง คือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์!

'วัคซีน' เหล่านี้ยังไม่ผ่านการทดสอบและรับรองผลอย่างแน่ชัดอย่างที่ควรจะเป็น คุณคือหนูทดลองตัวหนึ่ง นั่นเอง!

การฉีดวัคซีนเหล่านี้ จึงถือได้ว่า เป็นอาชญากรรม และมีโทษ โดยการถูกประหาร! สำหรับผู้บงการ

วัคซีนเหล่านี้จึงผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายเหล่านี้ คือ::
  • กฎบัตรสหประชาชาติ ประกาศเฮลซิงกิ
  • กฎนูเรมเบิร์ก
  • อนุสัญญาอาวุธเคมี
  • อนุสัญญาอาวุธชีวภาพ
  • กฎหมายจารีตไทย
  • คำสาบานของ Hippocrates
  • คุณได้ยินยอมรับวัคซีนโดยไม่ได้รับข้อมูลเบื้องลึก ;
    พวกเขาไม่ได้เปิดเผยว่ามีคนนับล้านที่เสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนเหล่านี้ และอีก 100 ล้านคนได้รับผลข้างเคียงที่สาหัส และอาจจะเสียชีวิตภายใน 5 ปีข้างหน้า

🔺กลับไปด้านบน

♦ เสียชีวิตจากวัคซีน



Worldwide Bayesian Causal Impact Analysis of Vaccine Administration on Deaths and Cases Associated with COVID

Image
Thailand 887% increase since vaccination start!

การศึกษาในมหาวิทยาลัยพบว่าตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีนให้คนไทยมีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 887%

• มองโกเลีย: เสียชีวิตเพิ่มขึ้น19,015%
• เซเชลส์: เสียชีวิตเพิ่มขึ้น10,680%
• ประเทศไทย: เสียชีวิตเพิ่มขึ้น887%




Image
Eudravigilance: เฝ้าระวังโรคภัยไข้เจ็บรายงานผู้
เสียชีวิตจากวัคซีนโควิด 36,257ราย

สหภาพยุโรปเท่านั้น:
36,257 รายงานการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการ จากวัคซีน
โควิด-19
(ถึง 15 มกราคม 2565)

แต่นี่เป็นเพียงแค่1%ของการตายที่ได้รับ
การลงบันทึก

ผู้คนนับล้านเสียชีวิตจากการฉีดยาเหล่านี้ ซึ่งไม่ใช่วัคซีนแต่เป็นการทำลายยีน
และอีกมากมายที่จะเสียชีวิตในปีต่อๆ ไป


Image


มีการรายงานการบาดเจ็บทุกอย่างที่เป็นไปได้
พวกเขารู้อยู่เสมอว่าสิ่งนี้จะทำร้ายและฆ่าผู้คนจำนวนมาก





🔺กลับไปด้านบน

Image
ความเป็นไปได้ของ SARS-CoV-2 ในการป้องกันและการรักษา โรคติดเชื้อ ,การดีท็อกซ์ และมาตรการ การรับมือสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน!

ข้อมูลอย่างเป็นทางการของรัฐบาลเกี่ยวกับสถิติการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นมาก โดยแสดงให้เห็นว่า ณ ขณะนี้ (เดือนสิงหาคม 2023) มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 20 ล้านคนทั่วโลกจาก 'วัคซีน' นี้

การฉีดวัคซีนเหล่านี้ทำให้เกิดภาวะร้ายแรงหลายประการซึ่งส่งผลให้บุคคลเสียชีวิต:


✘ มะเร็งเทอร์โบ มะเร็งที่ลุกลามอย่างรวดเร็วมาก
✘ ลิ่มเลือดขนาดใหญ่
✘ ขาดเลือดไปเลี้ยงสมองเฉียบพลัน
✘ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
✘ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
✘เทอร์โบอัลไซเมอร์
✘ เส้นใยไฟเบอร์ก่อตัวในหลอดเลือด
✘ภาวะมีบุตรยาก
✘ และความผิดปกติอีกมากมาย
✘ และจากการวิจัยจำนวนมาก วัคซีนทุกชนิดเป็นสาเหตุให้เกิดโรคออทิซึมในเด็ก เนื่องจากมีสารพิษมากมาย
ภาวะเหล่านี้ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และผู้คนก็เสียชีวิตอย่างไม่มีสาเหตุใดๆ ทั้งสิ้น


นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้คนต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อล้างพิษจากการฉีดเหล่านี้ให้เร็วที่สุดและรวดเร็วที่สุด

• Graphene Oxide
• Aluminium (known cause of Autism, Alzheimer)
• Potassium Sulphate
• Formaldehyde
• Thimerosal (Mercury, highly toxic)
• Polysorbate 80 (toxic surfactant)
• Fetal Bovine Serum
• Animal Gelatin
• Neomycin
• Hydrogel
• เนื้อเยื่อของทารกในครรภ์ที่เก็บมาจากทารกที่มีชีวิตและถูกทำแท้ง!
• ฯลฯ

  1. CDS: Andreas Kalcker Protocol; ซีดีเอส: การรักษาและป้องกันโรคที่ถูกที่สุด ปลอดภัยที่สุด และมีประสิทธิภาพสูงสุด
    (andreaskalcker.com/en/)
    ►ดูด้านล่าง สำหรับโปรโตคอลต่างๆ โดยใช้ CDS ในการรักษาสภาวะต่างๆ! 'CDS, Chlorine Dioxide Protocols'
    ~
  2. Balanced Zinc: สังกะสีที่สมดุลเหมาะสม ( สัดส่วน Zn15 ต่อ Cu 1 ส่วน) ช่วยป้องกันไวรัส และย่อยสลายโปรตีนหนามแหลม และสไปออน (Spike Proteins & SPIONS; Superparamagnetic Iron Oxide Nanoparticles) (Zn ต้องใช้ไอโอโนฟอร์)
    ~
  3. Green Tea: ชาเขียว ประกอบด้วย สารอีพิกัลโลคาเทชินไตรกัลเลต Epigallocatechin Gallate (EGCG)ไอโอโนฟอร์ (Ionophore) ที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้ร่างกายดูดซึมสังกะสีเข้าสู่เซลล์ได้ดียิ่งขึ้น
    ~
  4. Vitamin D3: วิตามินดี3: มีความสำคัญต่อร่างกาย และ วิตามินดี3 ( ในชีวิตประจำวันเรารับจากแสงแดดจากแสงแดด) ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ควรได้รับ ขั้นต่ำ 3,000 - 4,000 IU ต่อวัน (5,000+ IU ในฤดูหนาว)
    ระยะสั้นเท่านั้นและสำหรับการรักษาแบบเฉียบพลัน
    ✘ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิตามินดีที่นี่!
    ~
  5. Vitamin C: วิตามิน ซี: (ช่วยในการการซ่อมแซม ระหว่างเซลล์ ภายในเซลล์ และประโยชน์อื่นๆ) ควรได้รับอย่างน้อย 3 กรัมต่อวัน
    ~
  6. Shikimic Acid: กรดชิกิมิก จากสารสกัด Star Anise & Fennel Seed; สามารถสกัดด้วยเครื่องชงกาแฟหรือชา
    ช่วยยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือด หลอดเลือดดำ ลิ่มเลือดในสมอง ต้านแบคทีเรีย, ไวรัส, มะเร็ง
    ~
  7. นิโคตินทดแทน
    ใช้แผ่นแปะผิวหนัง หมากฝรั่ง หรือยาอม:
    นิโคตินทดแทน ช่วยเป็นตัวขัดขวางตัวรับในสมองที่จะถูกโจมตีโดย Spike Proteins ( ที่เกิดในร่างกายคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนSARS-CoV-2 พิษของมันคล้ายกับพิษงู) ตัวรับในสมองที่มีชื่อว่า acetylcholinesterase เป็นตัวรับซึ่งควบคุมการทำงานของกระบังลมและการหายใจ จะเห็นว่าหากรีเซปเตอร์ในสมองตัวนี้ได้รับspike protein จะทำให้เกิดความล้มเหลวของระบบการหายใจได้
    ~
  8. มอนต์มอริลโลไนต์ เบนโทไนท์
    ถูกนำมาใช้เพื่อทำการดีท็อกซ์ตามธรรมชาติเพื่อกำจัดสารพิษ โลหะหนัก และสไปค์โปรตีนที่มากับการฉีด vaxx° และ/หรือที่มาจากแหล่งอื่นๆ
    หรืออาจใช้ 'ถ่านกัมมันต์'
    °พึงตระหนักไว้ว่า วัคซีนทั้งหลายเต็มไปด้วยสารพิษ
    ~
  9. Trandsdermal Nicotine Patch or Chewing Gum แผ่นแปะนิโคตินใต้ผิวหนังหรือหมากฝรั่ง



    นิโคตินปิดกั้นตัวรับที่ถูกโจมตีโดยโปรตีน Spike (คล้ายพิษงู) ตัวรับเหล่านี้จะควบคุมไดอะแฟรมและการหายใจ
    ใช้แผ่นแปะผิวหนัง หมากฝรั่ง หรือยาอม:


♦สารประกอบอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นว่ามีประโยชน์ในการล้างสารพิษต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน หรือที่เรียกว่า 'โควิด':
  1. ■ Nattokinase
    ช่วยในการย่อยสลาย Spike Protein/Snake Venom
    ~
  2. ■ Lysine
    สำหรับระบบภูมิคุ้มกัน การซ่อมแซมอาการบาดเจ็บของวัคซีน จะทำให้ Spike Protein ลดลง
    ~
  3. ■ Bromelain
    ~
  4. ■ Curcumin
    สารออกฤทธิ์จากขมิ้นชัน
    ~
  5. ■ Urotherapy
    ปัสสาวะมีสเต็มเซลล์ที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์
    ~
  6. ■ Black Seed Oil
    แอคทีฟดีท็อกซ์จากแบล๊คซีดออยล์
    ~
  7. ■ Pine Needle Oil
    แอคทีฟดีท็อกซ์จากน้ำมันสน
    ~
Image
ต่อไปนี้ก็มีประโยชน์มากเช่นกัน:
  • สารสกัดจากรากชะเอม Glycyrrhizin
    ป้องกันการแข็งตัวของเลือดจาก Spike Protein เช่น พิษงู และที่เกิดจากการฉีดวัคซีนเหล่านี้
    หากหาได้ให้ใช้สารสกัด Glycyrrhizin หรือเราอาจใช้ผงชะเอมเทศที่หาซื้อได้ไม่ยาก นอกจากนี้ชะเอมเทศยังป้องกันตับจากเตตระคลอไรด์, อะเซตามิโนเฟน/ไทลินอล, แอลกอฮอล์ เป็นต้น
    งานการวิจัยกล่าวว่า:
    "Glycyrrhizin (GL) is a plant-derived thrombin inhibitor that also exhibits in vivo antithrombotic properties.
    GL inhibited the human fibrinogen clotting (IC50 = approximately 1.0 mg ml
    Co-administration of GL with antibothropic serum abolished venom-induced bleeding. "

    ~
  • NAC N-Acetyl Cysteine (กรดอะมิโน) สำหรับซ่อมแซมเซลล์และรวมกับ:
    Bromelain & Acetyl Cysteine (NAC), BromAc, ช่วยหยุดการฟอร์มตัวเป็นเส้นใยไฟเบอร์และทำลายไกลโคโปรตีนที่ซับซ้อนที่จะเกิดในเส้นเลือดของผู้ได้รับวัคซีน
    งานการวิจัยกล่าวว่า:
    “BromAc acts as a biochemical agent to destroy complex glycoproteins. … Recombinant spike and envelope SARS-CoV-2 proteins were disrupted by BromAc.”

    “BromAc ทำหน้าที่เป็นตัวแทนทางชีวเคมีในการทำลายไกลโคโปรตีนที่ซับซ้อน … และซองโปรตีน SARS-CoV-2 ถูกรบกวนโดย BromAc”
    ~
  • Quercetin: เควอซิทิน: ไอโอโนฟอร์ !ที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้ร่างกายดูดซึมสังกะสีเข้าสู่เซลล์ได้ดียิ่งขึ้น
    ~
  • Glutathione: กลูตาไธโอน: ช่วยชะล้าง กราฟีมออกไซด์ & สไปออนส์
    ~
  • Niacin/Nicotinic Acid: ไนอาซิน/กรดนิโคตินิก: สำหรับป้องกันโรคใช้ : 500 มก. สำหรับการรักษาใช้ : 1,000 มก
    ~
  • NAC: (กรดอะมิโน) สำหรับการซ่อมแซมเซลล์
    ~
  • C60: ช่วยเพื่อกำจัดเซลล์ที่เสียหายและซ่อมแซมไมโตคอนเดรีย
    ~
  • Ivermectin: (สำหรับผู้ใหญ่ปกติ ใช้ขนาด 12 มก. ,ขนาดยา ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว ,ดูที่ข้อบ่งใช้)
    ~
  • HCQ Hydroxychloroquine: ต้านไวรัส/แบคทีเรีย; ไอโอโนฟอร์
    ~
  • Chaga Tea: ชา Chaga: ดื่มวันละ 2-3 ถ้วยต่อวัน (ใช้ผง chaga 1/4 ช้อนชา ต่อน้ำร้อน 8 ออนซ์ )
    ~
  • Hydrogen Gas/Water Therapy: ก๊าซไฮโดรเจน/การบำบัดด้วยน้ำ: การศึกษาแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการรักษาผลข้างเคียงของวัคซีนและโควิด-19

Image
สำหรับพลังงาน:

TruNiagin: ทรูไนอาจิน: (NR = Nicotinomide Riboside; วิตามินบีชนิดหนึ่ง)
ประชาชนที่ได้รับวัคซีน กำลังมีอาการเมื่อยล้าได้บ่อยๆจนผิดปกติ เนื่องจากการเกิดลิ่มเลือดในกระแสเลือดที่ไปยังปอดและหัวใจ



♦ CDS

■ หมายเหตุ; นี่ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ CDS ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ผู้คนอาจใช้ CDS ตามการวิจัยและความรับผิดชอบของตนเอง

ได้รับการยอมรับและนำไปใช้ในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศในอเมริกาใต้เพื่อรักษา COVID-19 ซึ่งมีแพทย์ใช้อยู่ 7,000 คน อัตราความสำเร็จเกือบ 100%

■ ดูเพิ่มเติมได้ที่:
WORLD HEALTH AND LIFE COALITION
Image
https://www.comusav.com/en/



█ สารคดี CDS

ยา CDS: การศึกษาในประเทศญี่ปุ่นพิสูจน์ประสิทธิภาพของ CDS/Chlorine Dioxide ในการกำจัด Spike Protein หรือโปรตีนหนาม ในขณะที่หลักฐานรายงานแสดงให้เห็นว่า CDS สามารถล้าง Graphene Oxide ออกจากร่างกายได้

■ ต่อไปนี้เป็นโปรโตคอลอย่างเป็นทางการที่พัฒนาโดย Dr Kalcker และแพทย์ทั่วโลกใช้ในการรักษาผู้ป่วย


[ สิ่งสำคัญที่ควรตระหนักในขณะนี้คือ ทุกคนควรพิจารณาใช้ CDSเพื่อเป็นการป้องกันโปรตีนหนาม ที่จะถูกขับออกจากร่างกายผู้ที่ได้รับวัคซีนไปสู่ผู้คนรอบข้างที่ไม่ได้รับวัคซีนซึ่งจะทำให้มีอาการเจ็บป่วยไปด้วย CDS ยังเป็นตัวล้างพิษที่ดี ป้องกันการติดเชื้อทุกชนิดและช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ]



CDS, โปรโตคอลคลอรีนไดออกไซด์


โปรโตคอล C: ป้องกัน, asymptomatic.

► 10 มล. ของ 3,000ppm CDS เข้มข้น / น้ำดื่ม 1 ลิตร / วัน

• กรณีที่ 1 สำหรับมาตรการป้องกัน ใช้สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ!
  1. เจือจาง CDS เข้มข้น 10 มล. 3000 ppm (0.3%) ในน้ำ 1 ลิตร
    ~
  2. แบ่งเป็น 10 โด๊สๆละ 100 มล. และดื่มทุกชั่วโมงจนกว่ายาจะหมด

• กรณีที่ 2 สำหรับผู้เจ็บป่วยที่แสดงอาการเฉียบพลันที่อันตรายถึงชีวิต

ให้เพิ่มความเข้มข้นขึ้น โดยให้ระดับ CDS สูงถึง 30 มล. ต่อน้ำ 1 ลิตร แล้วดื่มคราวละ100มล. ในทุก 1ชั่วโมง จนกว่าจะหมด


โปรโตคอล D = โรคเกี่ยวกับผิวหนัง :

►ใช้ 3,000 ppm CDS โดยไม่ต้องเจือจาง

• โปรโตคอลนี้ใช้เพื่อฆ่าเชื้อที่เกิดขึ้นเฉียบพลันต่อผิวหนัง เช่น แผลบาดเจ็บฉีกขาด น้ำร้อนลวกไฟไหม้ และวัตถุที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ

ใช้หัวฉีดพ่นที่บรรจุ CDS 3,000ppm เข้มข้น ฉีดตรงบริเวณที่ต้องการ แล้วลูบเบาๆ ใช้ในลักษณะเดียวกับเจลไฮโดรแอลกอฮอล์

สำหรับบริเวณที่บอบบาง (เช่น ตาและเยื่อเมือก) จำเป็นต้องลดความเข้มข้นด้วยน้ำหรือน้ำเกลือ โดยใช้ความเข้มข้น CDS ประมาณ 50ppm (ซึ่งยังคงมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะยับยั้งเชื้อโรค)


โปรโตคอล F = กรณีเร่งด่วน หรือเฉียบพลัน เมื่อร่างกายเริ่มส่งสัญญาณว่ามีการติดเชื้อ :

►ใช้ 8ml ของ CDS เข้มข้น 3,000ppm / น้ำสะอาด 1 ลิตร

• หลักการนี้ใช้เพื่อต่อต้านการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียเฉียบพลัน:
ละลาย CDS เข้มข้น 3,000ppm 8 มล. (3,000 ppm / 0.3%) ในน้ำ 1 ลิตร แล้วแบ่งเป็น 8 โด๊ส
ให้ดื่มปริมาณ 125 มล. ทุกๆ 15 นาที จะใช้เวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที หลังจากดื่มแก้วแรก

ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ซึ่งโปรโตคอล F หากเป็นไปได้ ควรดื่ม 2 ช่วงต่อวัน: ○ โดยกรณี ดื่ม 2 ครั้งต่อวัน ให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 ชั่วโมง จากช่วงแรก ○ หรือ หากดื่มตามข้อ1ช่วงเดียว ต่อวัน ให้ตามด้วย โปรโตคอล C (CDS เข้มข้น 3,000 ppm. 10 มล. / น้ำดื่ม 1 ลิตร โดยดื่ม 100มล.ทุกชั่วโมง จนหมด)


โปรโตคอล H = การฆ่าเชื้อในห้อง:

►10ml ของ CDS เข้มข้น บริสุทธิ์ 3,000ppm

• ใช้ CDS เข้มข้น 0.3% 6 - 12 มล. เทลงในบีกเกอร์แก้วแห้งแล้ววางระหว่างเตียงของผู้ป่วย
ก๊าซจะระเหยและฆ่าเชื้อสิ่งแวดล้อมเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาด!

• โปรโตคอลนี้สามารถใช้ในบ้าน ห้องนอน ฯลฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อในห้องนอน ห้องทำงาน ออฟฟิศ คลินิกแบบปิด เป็นต้น
คลอรีนไดออกไซด์อิ่มตัวจะมีสีเหลืองเมื่อบรรจุภาชนะแก้วใสแบบมีฝาปิด จะมีการระเหยเป็นแก๊ซ แล้วเมื่อของเหลวในแก้วกลายเป็นโปร่งใส จะถูกแทนที่ด้วยปริมาณและความเข้มข้นของคลอรีนไดออกไซด์เข้มข้น CDS ที่เท่ากัน
จากการคำนวณ อากาศในห้องประมาณ 12 ตารางเมตรจึงสามารถอิ่มตัวด้วยปริมาณความเข้มข้นสูงสุด 1 ppm ซึ่งอยู่ในระดับความเข้มข้นที่ถูกยอมรับ ภายใต้การควบคุมความปลอดภัย และพิษวิทยาระหว่างประเทศ ซึ่งได้รับการอนุมัติให้ใช้ได้


โปรโตคอล J = น้ำยาบ้วนปาก/รักษาแผลร้อนใน/การติดเชื้อในช่องปาก :

►ใช้ 10ml ของ CDS 3,000ppm /น้ำ 200ml

• กลั้วคอ และบ้วนปากด้วย น้ำยาที่เจือจาง วันละครั้ง หรือหลายครั้งตามต้องการ!


โปรโตคอล K = ผิวหนัง etc :

►ใช้ 20ml ของ CDS เข้มข้น 3,000ppm / น้ำ 50ml

• ใช้บรรจุขวดสเปรย์ เพื่อรักษาสิว โรคสะเก็ดเงิน กลาก การติดเชื้อและกลิ่นไม่พึงประสงค์ของเท้านักกีฬา ฆ่าเชื้อบาดแผล ฯลฯ วันละอย่างน้อย 2 ครั้ง



■ ปริมาณสำหรับเด็ก
ใช้ CDS 3000 ppm 1มล.ผสมน้ำดื่ม 250-500มล. /วัน ต่อเด็กอายุ1ปี..เพิ่มทีละ1มล.
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น1ปี โดยให้ 4-10 ครั้งระหว่างวัน สามารถเพิ่มขึ้นทีละน้อยในกรณีเฉียบพลัน


การทดลองในสัตว์ทดลองพบว่ากลุ่มที่ใช้ CDS มาตลอด จะมีชัวิตยืนยาวกว่ากลุ่มควบคุมที่ได้รับยาหลอกโดยเฉลี่ยสูงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์!


■ วิธีการทำงาน:
โมเลกุลคลอรีนไดออกไซด์ของ CDS จะแตกตัวออกเมื่อสัมผัสกับสารประกอบที่เป็นกรด
และส่งผลให้เกิด NaCl โซเดียมคลอไรด์ ( เกลือ) บวก O2 (ออกซิเจน) ซึ่งเมื่อไปสัมผัสรวมกับเชื้อโรคที่เป็นกรดที่แปลงเป็นออกไซด์ของอัลคาไลน์
การปล่อยออกซิเจน (Bohr Effect) เป็นการเพิ่มกิจกรรมของอิเล็กโทรไลต์เซลล์เม็ดเลือดแดงในการต่อสู้กับเชื้อโรคที่เป็นกรดแล้วสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นด่างซึ่งส่งผลเสียต่อเชื้อโรคและเอื้อต่อสุขภาพ!

■ ข้อควรระวังและข้อห้าม:
CDS เป็นสารออกซิไดซ์ จึงไม่แนะนำให้ใช้ CDS, Chlorine Dioxide, ร่วมกับวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ในการกำจัดเชื้อโรค
CDS ควรดื่มเว้นระยะห่างจากยาบำรุงต่างๆ 1 ชั่วโมง และห่างจากมื้ออาหาร ½ ชั่วโมง
CDS Concentrate ควรเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่า 11 องศาเซลเซียส และป้องกันแสงยูวี
CDS เป็นสารออกซิไดซ์และกัดกร่อนโลหะเล็กน้อย จึงควรเก็บไว้ในภาชนะแก้วเท่านั้น!
ควรหลีกเลี่ยง CDS เข้มข้นเมื่อสัมผัสกับเยื่อเมือก ควรเจือจางเป็น 50 มก. / น้ำเกลือล้างแผล 1 ลิตร (0.005%)
ห้ามสูดดม CDS ในปริมาณเข้มข้น (เนื่องจากเป็นพิษต่อปอด)
ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาวาร์ฟารินควรตรวจสอบค่าเลือดของพวกเขาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยาเกินขนาด เนื่องจาก CDS มีฤทธิ์ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับฤทธิ์วาร์ฟาริน

ควรใช้โปรโตคอลย่อยต่อไปนี้ตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง
การฆ่าเชื้อที่มือและพื้นผิว: โปรโตคอล D (ใช้ > 1000 ppm ClO2)
การป้องกัน (เจ้าหน้าที่สาธารณสุข + ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ): โปรโตคอล C. 10 โดส/วัน
การหลีกเลี่ยงการติดเชื้อระหว่างผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์: Protocol H.
การติดเชื้อเฉียบพลัน: โปรโตคอล F + C

💥 คำเตือน: ผู้ที่ได้รับวัคซีนยังสามารถปล่อย Spike Proteins ซึ่งมีพิษร้ายแรงและอาจถึงตายได้
• ดังนั้น ผู้ที่ไม่รับวัคซีนต้องระวังเมื่อต้องสัมผัส หรือรายรอบด้วยผู้คนที่ได้รับวัคซีน

กลุ่มแพทย์ชาวอเมริกาใต้ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่ยอมรับในการใช้ CDS อย่างกว้างขวางแนะนำว่าทุกๆคนควรใช้ CDS ทุกวัน
เพื่อปกป้องตนเองจากโปรตีนขัดขวางที่ร้ายแรงเหล่านี้ที่เกิดจากการฉีดวัคซีนโควิ19 และเพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อที่หลากหลายที่เพิ่มมากขึ้นในโลกปัจจุบัน
รวมทั้งช่วยกำจัดปัญหาสารพิษหรือโลหะหนักจากสิ่งแวดล้อมที่ร่างกายได้รับ!


■ หมายเหตุ :
CDS ยังใช้กันอย่างแพร่หลายในการรักษาโรคเบาหวาน มะเร็ง ไตวาย
โรคตับ และโรคอื่นๆ อีกมากมาย ตามหลักการ


■ ดูเพิ่มเติมได้ที่
https://andreaskalcker.com

■ กระดานสนทนา
https://saludprohibida.com/en/

■ หนังสือ:
Dr. Andreas Kalcker:

• CDS - HEALTH IS POSSIBLE
• FORBIDDEN HEALTH
• THE ESSENTIALS


Post Reply